ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต ฉบับปกแข็ง พิมพ์ครั้งที่ 19
รหัสสินค้า : 9786168132159
ราคา |
499.00 ฿ |
จำนวนที่จะซื้อ | |
ราคารวม | 499.00 ฿ |
สินค้าไม่เพียงพอ
สินค้าหมด
ISBN 978-616-8132-15-9
สำนักพิมพ์ Arty House
จำนวนหน้า 306
ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต นวนิยายรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียนประจำปี 2558 เรื่องรักน้ำเน่า พลัดหลงในร้าวราน ซมซานในรักสามเส้า ปรุงรสด้วยเสน่หา ความหวังลมๆ แล้งๆ และรสนิยมของยุคสมัย เต็มไปด้วยศัพท์แสง สัญลักษณ์ และการตั้งคำถามต่อมายาคติในชะตากรรมของเราทุกคน
ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้:
ในคำประกาศของคณะกรรมการตัดสินรางวัลระบุว่า ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต ของ วีรพร นิติประภา สะท้อนภาพความล้มเหลวของการบริหารจัดการชีวิตในสังคมเสพติดศิลป์ของคนหนุ่ม สาวยุคใหม่ แสดงให้เห็นผลกระทบของการเผชิญหน้าระหว่างมายาคติกับอุดมคติของสถาบันครอบครัวไทย ในขณะเดียวกันก็รุ่มรวยไปด้วยการหยั่งถึงความงามอันบรรเจิดของศิลปะหลากแขนง รวมทั้งความงดงามของธรรมชาติ ผู้เขียนนำเสนอเรื่องนี้ผ่านสุนทรียภาพ ทางภาษา แสดงภาพตรึงตราตรึงใจโดดเด่น มีภาวะกระทบทางอารมณ์สูงยิ่ง สามารถสรรค์สร้างคำและประโยคที่เป็นอัตลักษณ์ได้ดี นวนิยายเรื่องนี้ เป็นอุทาหรณ์ด้านกลับสำหรับคนรุ่นใหม่เพื่อการหลุดพ้นจากความบอดใบ้ทางปัญญา และการไร้ศรัทธายึดเหนี่ยวในวิถีชีวิต ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต ของ วีรพร นิติประภา จึงสมควรได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ของประเทศไทย ประจำปีพุทธศักราช 2558"
ตัวอย่างเนื้อหา
เพลงรักหวานซึ้งกึ่งอุดมคติทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้ รักก็รัก ไม่รักก็ไม่รัก สามัญเหมือนตะวันขึ้นทุกเช้าตกทุกเย็นไม่เห็นมีอะไรซับซ้อนให้ต้องซาบซึ้งน้ำตาซึม คนเราก็แค่นี้รู้สึกเท่าที่รู้สึก แล้วเขาก็ไม่เห็นนึกออกว่าอุดมคติจะต่างกับอคติตรงไหน หรืออย่างไร...ก็แค่มายาคติของมายาคติ
---------------------------
อาหารคือความนึกคิดและจิตวิญญาณ มันบอกเรื่องราวที่ไม่ได้เล่าเกี่ยวกับผู้คน เวลาเจออาหารใหม่ๆ ที่ไม่รู้จัก เราต้องลอง ชอบก็กินอีก ไม่ชอบก็ไม่ต้อง วันหลังมีโอกาสก็ให้ลองซ้ำใหม่อีกครั้ง หลายๆ ครั้งเข้าเราก็จะกินเป็นเอง
---------------------------
ชารียาเริ่มตื่นตั้งแต่ฟ้ายังมืดทุกวันอย่างไม่มีเหตุผล นอกจากความรู้สึกโหยๆ เหมือนหายใจไม่ทั่วท้องตอนตื่นนอนกับมองเห็นภาพธนาทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตานั่นแล้ว ทุกอย่างก็ดูปกติดี เธอใช้เวลาขณะคนอื่นยังกำลังหลับนอนนิ่งๆ บนโซฟา มีมือขวาวางไว้บนหัวใจ ฟังซิมโฟนี่หมายเลขสี่ของบราห์มส์กลับไปกลับมาซ้ำๆ ก่อนไปโรงเรียน และในครั้งที่สิบเอ็ดที่พบกัน เมื่อธนาบอกเธอว่าเขากำลังจะกลับไปอยู่กรุงเทพฯ ด้วยความลุ่มหลงอันเด็ดเดี่ยวดุจเดียวกับแม่ของเธอ ชารียาก็หนีตามเขาไป
ใจเค้าอยู่ที่นั่น มีประโยชน์อะไรจะไปตามเอาแต่ตัวเค้ากลับมา แม้จะไม่แสดงออกแต่ทุกคนก็รู้ดีว่าลึกๆ แล้วลุงธนิตเสียใจแค่ไหน และต้องใช้พลังใจมากมายเพียงใดจึงจะปล่อยชารียาให้ไปตามทางของตัวเองได้ ข้างชลิกาก็เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย โทษตัวเองที่เอาแต่อ่านนิยายจนไม่ทันมองเห็นรักซ่อนเร้นของน้องได้ก่อนหน้า ขณะที่ปราณไม่พูดอะไรทั้งนั้น ความพลุ่งพล่านของวัยหนุ่มทำให้เขาได้แต่นึกหวั่นใจว่าหากเจอหน้าผู้ชายคนนั้นวันไหน เขาเป็นต้องได้กลายเป็นผู้ร้ายฆ่าคน
---------------------------
ในความสิ้นหวัง อ้างว้างเหลือทน เขาดั้นด้นออกตามหาเธอ กระเซอะกระเซิงไปในท่ามกลางทรงจำคร่ำคร่า พลัดตกลงในอ้อมกอดอบอุ่นอ่อนหวานที่เขาไม่ควรแตะต้อง รอนแรมไปในที่ที่เขารู้ ยิ่งกว่ารู้ ว่าไม่ควรผ่าน เพียงเพื่อจะพบว่า เธอไม่ได้อยู่ที่นั่น ไม่ได้บอกเธอว่าเขาแค่รู้สึกเหมือนกับจะร้องไห้ ไม่ได้บอกว่าเขาแค่ไม่มีที่ไป ไม่ได้บอกเรื่องเขากับชลิกา ไม่ได้บอกว่าเขาก็เช่นกัน ไม่ได้ตั้งใจให้อะไรๆ เป็นอย่างที่มันเป็น
---------------------------
ตอนนั้นเองเธอถึงนึกขึ้นได้ว่าบอกปราณเป็นสิ่งสุดท้ายให้ลืมเธอ ทันใดว่างเปล่าก็ผุดวาบเวิ้งว้างขึ้นต่อหน้า บาดจ้าชั่วครู่ก่อนจะจู่โจมโถมซัดชารียาด้วยรู้สึกเศร้าอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน รวดร้าวรันทดราวโลกทั้งโลกกำลังแหลกลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มวลมนุษยชาติกำลังจะต้องสูญสิ้นไปจนหมด และแม้แต่จักรวาลที่กำลังคืบเข้าบดบังท้องฟ้าเบื้องหน้านี้ก็จะไม่มีเหลืออยู่อีกต่อไป
งงงัน เหน็บหนาว สั่นเทา เธอหันมองไปรอบๆ ไม่อาจเข้าใจได้ว่า ทำไมใบไม้ยังเขียวสดงดงาม ดอกไม้ถึงยังเบ่งบานสะพรั่ง ผีเสื้อยังบินโรยร่อนตามกัน สายลมยังพัดผ่านอ่อนหวาน และกาลเวลายังดำเนินต่อไปในวาวแดดที่โรยรางลงทีละน้อยนี้ได้อย่างไร และทั้งๆ ยังกำลังร้องไห้อย่างหนักในใจ ชารียาก็ตัดสินใจลุกออกไปตามหาน้าแมว เดินกระเซอะกระเซิงหัวใจสลายแหกปากเรียกหามันด้วยชื่อทุกชื่อที่เคยเรียกไปตามทาง ดวงตาพรายน้ำ หนูหนมตาล เจ้าดาวเรือง มะเฟืองสลิด ท้องยุ้งพุงปีโป้ น้าเยลโล่ โซดาเลมม่อน น้องหน้าแป้น แตงอ่อน หนอนอู้ กะทิบูด ตูดอำพัน ฟักทองกายสิทธิ์ ...แต่ก็ไร้วี่แวว